นักบำบัด ขึ้นให้การคดี ‘จอห์นนี่ เดปป์’ และ ‘แอมเบอร์ เฮิร์ด’

นักบำบัด ขึ้นให้การคดี ‘จอห์นนี่ เดปป์’ และ ‘แอมเบอร์ เฮิร์ด’

นักบำบัด ที่เคยรักษา จอห์นนี่ เดปป์ และ แอมเบอร์ เฮิร์ด ได้ขึ้นให้การกับทางศาล เผยทั้งสองฝ่ายต่างลงมือทำร้ายร่างกายอีกฝ่าย เมื่อวันที่ 15 เมษายน สำนักข่าว BBC รายงานถึงความคืบหน้าของการขึ้นศาลคดีฟ้องร้องหมิ่นประมาท ระหว่าง จอห์นนี่ เดปป์ และ แอมเบอร์ เฮิร์ด จากกรณีที่ เฮิร์ด ซึ่งเป็นอดีตภรรยา ได้เล่าเรื่องราวลงบนเว็ปไซต์ The Washington Post ในปี 2561 กล่าวหาว่า เดปป์ ทำร้ายร่างกายเธอ

โดย ลอเรล แอนเดอร์สัน นักบำบัดที่ทำหน้าที่รักษาอดีตสามีภรรยาคู่ดังกล่าวในช่วงตุลาคม ถึง ธันวาคม ปี 2557 ได้ให้การว่าทั้งคู่เคยต่างขู่จะหยุดการบำบัดจากการมีปากเสียงอย่างรุนแรง

แอนเดอร์สัน เล่าอีกว่า เฮิร์ด กล่าวว่า เดปป์ ทำร้ายร่างกายเธอ และเธอเคยเข้าพบเธอ โดยที่มีรอยพกช้ำที่ใบหน้า ขณะที่ตัวของภรรยานั้น ก็เคยใช้ความรุนแรงกับสามี เพื่อหยุดยั้งไม่ให้เขาเดินออกจากห้องหากทั้งสองฝ่ายมีปากเสียงกัน ซึ่งเธอบรรยายว่า เฮิร์ด เลือกจะใช้ความรุนแรงบ่อยครั้ง หาก เดปป์ เลือกจะเป็นฝ่ายเดินหนีจากการโต้แย้ง

นอกจากนี้นักบำบัดหญิง ย้อนความว่า เฮิร์ด เป็นคนที่พูดเร็วและหลายครั้งตัดบทสามีของเธอ ซึ่งสไตล์การพูดของเดปป์นั้นมักจะพูดไม่ทันภรรยาของเขา

โดยนี่การให้ปากคำเริ่มขึ้นตั้งแต่เมื่อวันจันทร์ที่ 11 เมษายน ที่ผ่านมา ซึ่งทีมทนายของ เฮิร์ด ระบุว่าตัวของอดีตสามีทำร้ายร่างกายและล่วงละเมิดทางเพศเธอ และเป็นคนติดเหล้าและติดยา ขณะที่ทางทีมทนายของเดปป์ กล่าวหาว่า การทำร้ายร่างกายเป็นเรื่องปรุงแต่ง เพื่อที่จะทำลายชื่อเสียงของ เดปป์

ย้อนกลับไปในปี 2561 Washington Post ได้เผยแพร่บทความของ แอมเบอร์ เฮิร์ด เล่าเรื่องการหย่าร้าง และกล่าวหาอดีตสามีว่าใช้กำลังกับเธอ ซึ่งในบทความนั้นไม่ได้มีการกล่าวถึงชื่อของ เดปป์ แต่อย่างใด ทั้งนี้จากการขึ้นศาลก่อนหน้านี้ ทาง เดปป์ ได้ยื่นเอกสารยืนยันว่า ในบทความเป็นการพูดถึงความสัมพันธ์ระหว่างพวกตน ก่อนจะหย่าร้างกันไปในปี 2560

เจ้าหน้าที่ตำรวจ เร่งตรวจสอบหลังได้รับรายงานว่าเกิดเหตุที่เชื่อว่าเป็นเหตุ ระเบิด ใน สถานีรถไฟใต้ดิน บรู๊คลิน นิวยอร์ก ล่าสุดมีรายงานว่าเป็นเหตุกราดยิง เมื่อวันที่ 12 เมษายน สำนักข่าว นิวยอร์กโพสต์ รายงานว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจในนครนิวยอร์ก ประเทศสหรัฐอเมริกา เข้าตรวจสอบสถานีรถไฟใต้ดินในย่านบรู๊คลิน ประเทศสหรัฐอเมริกา หลังจากที่มีรายงานว่า เกิดเหตุรุนแรงในพื้นที่ดังกล่าว เมื่อช่วงเวลาประมาณ 8.30 น. ตามเวลาท้องถิ่น

โดยสื่อสังคมออนไลน์ ได้เผยแพร่ ภาพของประชาชนที่นอนจมกองเลือดในสถานีรถไฟ เบื้องต้นมีรายงานว่ามีผู้ได้รับบาดเจ็บแล้ว 3 ราย ขณะนี้ยังไม่ทราบว่าต้นเหตุของความรุนแรงมาจากอะไร โดยมีความเป็นไปได้ว่าอาจเป็นเหตุระเบิด หรือ กราดยิงที่เกิดขึ้น ทั้งนี้สื่อท้องถิ่นบางฉบับรายงานว่า ผู้ต้องสงสัยเปิดฉากยิงใส่ประชาชน ก่อนวางระเบิด

ทั้งนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจเปิดเผยว่าพบอุปกรณ์จุดชนวนระเบิดหลายเครื่องในสถานีรถไฟ นอกจากนี้ตำรวจยังได้เปิดเผยอีกด้วยว่าจากการตรวจสอบพบว่าผู้ต้องสงสัย เป็นชายผิวดำ สวมชุดพนักงานก่อสร้าง

ล่าสุดมีรายงานว่า เหตุสะเทือนขวัญในสถานีรถไฟใต้ดินบรู๊คลิน เป็นเหตุกราดยิง มีผู้ได้รับบาดเจ็บอย่างน้อย 13 ราย โชคดีที่ระเบิดที่พบไม่เกิดระเบิด

ศาล ไม่อนุญาตประกันตัว ผู้ต้องหา กราดยิงรถไฟใต้ดินนิวยอร์ก

ศาล ในประเทศสหรัฐอเมริกา ไม่อนุญาตประกันตัว ผู้ต้องหาที่ลงมือก่อเหตุ กราดยิงรถไฟใต้ดินนิวยอร์ก จนทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 23 ราย เมื่อวันที่ 15 เมษายน สำนักข่าว BBC รายงานว่า ศาลในประเทศสหรัฐอเมริกา ไม่อนุญาตให้ประกันตัว นาย แฟรงค์ เจมส์ ในฐานะผู้ต้องสงสัยที่เปิดฉากกราดยิงประชาชนในสถานีรถไฟใต้ดินในนครนิวยอร์ก จนเป็นเหตุให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 23 ราย

โดยผู้ช่วยทนายได้กล่าวกับศาลว่า นาย เจมส์ เปิดฉากยิงใส่ผู้โดยสารในรถไฟใต้ดินที่เต็มไปด้วยผู้คน และขัดขวางการใช้ชีวิตประจำวันแบบที่ไม่เคยเห็นใน 20 ปีมาก่อน ซึ่งการโจมตีของผู้ต้องหาเป็นการวางแผนมาก่อน และสร้างความหวาดกลัวให้กับเหยื่อ และ ประชาชนในเมือง หากมีอยู่ของผู้ต้องหา เป็นอันตรายกับชุมชม และเขาควรถูกคุมขังจนกว่าจะขึ้นศาล

ย้อนกลับไปก่อนหน้านี้ตำรวจรายงานว่า นาย เจมส์ ปาระเบิดควันสองลูกลงพื้นในสถานีรถไฟใต้ดินย่านแมนฮัตตัน นครนิวยอร์ก ก่อนจะเปิดฉากยิงประชาชนจนได้รับบาดเจ็บ 23 ราย และหลบหนีออกจากที่เกิดเหตุ

อย่างไรก็ตามนาย เจมส์ ได้โทรแจ้งความบอกที่อยู่ของตนกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ก่อนที่เขาจะถูกจับกุมตัวในที่สุด เบื้องต้นยังไม่ทราบมูลเหตุจูงใจในครั้งนี้ แต่ทางอัยการระบุว่านาย เจมส์ มักจะแชร์คลิปแสดงความไม่พอใจต่อการที่มีประชาชนไร้บ้านมานอนอยู่สถานีรถไฟใต้ดิน

ทำให้ภาพรวมล่าสุดจากการเก็บสถิติของ worldometers ประเทศบราซิล มีผู้ติดเชื้อโควิด-19 ไปแล้วเป็นจำนวน 255,368 ราย ซึ่งเป็นอันดับ 4 ของโลกในเวลานี้ ส่วนยอดเสียชีวิตเมื่อวานมีเพิ่มมาใหม่ถึง735 ราย รวมแล้วเสียชีวิตทั้งหมด 16,853 ราย เป็นอันดับ 6 ของโลก

Credit : แนะนำสถานที่ท่องเที่ยว | แต่งบ้านและสวน | พระเครื่อง | รีวิวกล้องถ่ายรูป