ปารีณา ลีฟกรุ๊ปไลน์ พลังประชารัฐ หลัง ถูกตัดสินการเมืองตลอดชีวิต พ้นส.ส.

ปารีณา ลีฟกรุ๊ปไลน์ พลังประชารัฐ หลัง ถูกตัดสินการเมืองตลอดชีวิต พ้นส.ส.

ยังคงเกาะติดกันต่อกับประเด็นร้อนการเมืองของ อดีต ส.ส.ราชบุรี พรรคพลังประชารัฐ “ปารีณา ไกรคุปต์” หลังจากที่วันนี้ ศาลฎีกา ตัดสินคดีที่ดินสปก.ในจังหวัดราชบุรี ผิดจริยธรรมร้ายแรง ส่งผลให้ถูกตัดสินทางการเมืองตลอดชีวิต พ้นสภาพ การเป็น ส.ส. และถูกตัดสิทธิเลือกตั้ง 10 ปีนั้น

ล่าสุด มีรายงานว่า กรุ๊ปไลน์ ประสานงานพรรคพลังประชารัฐ ที่มีสมาชิกกว่าร้อยคนนั้น นางสาวปารีณา ได้กดลีฟออกจากกลุ่มไลน์ไปแล้ว

ปารีณา ไกรคุปต์ ตัดพ้อ พ้อไม่มีสภาให้ไป หลังศาลฎีกาฟันผิดจริยธรรมรุกที่ดินสปก. สั่งพ้นตำแหน่ง ส.ส. หมดสิทธิลงเล่นการเมืองตลอดชีวิต ภายหลังจากที่ ศาลฎีกาพิพากษา น.ส.ปารีณา ไกรคุปต์ ส.ส.ราชบุรี พรรคพลังประชารัฐ ฝ่าฝืนมาตรฐานจริยธรรมอย่างร้ายเเรง จากคดีรุกที่ดินสปก. ให้พ้นตำเเหน่ง ส.ส.ตั้งเเต่วันที่ 25 มี.ค.64 พร้อมกับเพิกถอนสิทธิการเลือกตั้ง 10 ปี เเละไม่มีสิทธิรับสมัครเลือกตั้ง เเละดำรงตำเเหน่งทางการเมืองตลอดชีวิต

รายงานจากเฟซบุ๊กแฟนเพจ สรยุทธ สุทัศนะจินดา กรรมกรข่าว ระบุผู้สื่อข่าวพยายามโทรศัพท์ติดต่อน.ส.ปารีณา ตั้งแต่รู้ผลคำพิพากษา แต่ไม่สามารถติดต่อได้ จนกระทั่งเวลา13.45 น. น.ส.ปารีณา ให้สัมภาษณ์ทางโทรศัพท์ด้วยเสียงสั่นเครือว่า

“ตอนนี้ยังไม่เจอใคร ยังไม่ได้คิดอะไร ตอนนี้ ตัวชา กำลังทำใจอย่างเดียว ไม่ต้องทำพื้นที่แล้ว เพราะเหมือนคนตกงาน 100 เปอร์เซ็นต์ ไม่มีสภาให้ไป ไม่มีไก่ให้เลี้ยง ไม่เหลืออะไรแล้ว ไม่เหลืออะไรแล้ว!

ทั้งนี้อ้างอิงข้อมูลจากแหล่งข่าวเดียวกัน พบในไลน์กลุ่ม ส.ส.พรรคพลังประชารัฐ มี ส.ส.เข้ามาให้กำลังใจ น.ส.ปารีณา จนกระทั่งเวลา 10.21 น. น.ส.ปารีณาได้ดีดตัวเองออกจากไลน์กลุ่มส.ส.พรรคพลังประชารัฐไปเป็นที่เรียบร้อย

‘ประยุทธ์’ เตือนเสพข่าวอย่างมีสติ ย้ำ วัคซีนโควิด ยังจำเป็น

โฆษกสำนักนายกฯ ออกมาเตือนประชาชนให้เสพข่าวอย่างมีสติ ย้ำเตือน วัคซีนโควิด ยังจำเป็น สามารถลดอาการป่วยหนักและเสียชีวิตได้ นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมห่วงใย และฝากย้ำเตือนไปยังพี่น้องประชาชนทุกคนให้เสพข่าวสารอย่างมีสติ จากแหล่งข้อมูลที่เชื่อถือได้ ยืนยัน ว่าวัคซีนโควิด-19 ยังคงมีความจำเป็น

จากกรณีมีการเผยแพร่บทความในสื่อสังคมออนไลน์ สร้างความเข้าใจผิดเกี่ยวกับการฉีดวัคซีนโควิด-19 เข็มกระตุ้นว่าไม่สามารถป้องกันการติดเชื้อได้นั้น โฆษกรัฐบาลยืนยันว่าข้อมูลดังกล่าวไม่เป็นความจริง โดยแหล่งข้อมูลที่น่าเชื่อถือจากทั้งภายในและต่างประเทศชี้ให้เห็นตรงกันชัดเจนว่า การฉีดวัคซีนโควิด-19 เข็มกระตุ้น ยังคงมีความจำเป็น กระตุ้นภูมิคุ้มกัน ช่วยลดความรุนแรงของโรค และความเสี่ยงต่อการเสียชีวิตได้

ทั้งนี้ 5 องค์กรวิชาชีพทางการแพทย์ ซึ่งมีสมาชิกเป็นแพทย์ผู้ดูแลผู้ป่วยโควิด-19 เป็นหลัก ประกอบด้วย ราชวิทยาลัยอายุรแพทย์แห่งประเทศไทย สมาคมโรคติดเชื้อแห่งประเทศไทย สมาคมเวชศาสตร์ป้องกันแห่งประเทศไทย สมาคมเวชบำบัดวิกฤตแห่งประเทศไทย และสมาคมอุรเวชช์แห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์ ได้ออกประกาศร่วม เพื่อสนับสนุนการรับวัคซีนโควิด-19 เข็มกระตุ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ผู้สูงอายุ และกลุ่มที่มีโรคประจำตัว ควรรับวัคซีนเข็มกระตุ้น โดยระบุสาระสำคัญว่า

1. วัคซีนเข็มกระตุ้นสามารถกระตุ้นภูมิคุ้มกันต่อสายพันธุ์โอมิครอนได้เพิ่มขึ้น และป้องกันการเกิดโรคโควิด-19 ได้ดีกว่าการได้รับเพียง 2 เข็ม และลดอาการและความเสี่ยงต่อการเสียชีวิตได้ดีกว่าการได้รับเพียง 2 เข็ม

2. ยังไม่มีหลักฐานเชิงประจักษ์ว่า การได้รับวัคซีนที่มากเกินไปจะทำให้เกิดภูมิคุ้มกันที่ไม่ดีต่อร่างกาย หรือมีการอักเสบของอวัยวะต่าง ๆ มากกว่าผู้ที่ไม่ได้รับวัคซีน แต่กลับพบว่าผู้ที่ได้รับวัคซีนโควิด-19 ช่วยลดการอักเสบของอวัยวะต่าง ๆ รวมทั้งลดการเกิดอาการภายหลังโควิด-19 (long COVID) และ

3. วัคซีนโควิด-19 ที่มีประสิทธิภาพต้านเชื้อสายพันธุ์โอมิครอน ยังคงอยู่ในระหว่างการศึกษาวิจัย และยังไม่แน่นอนว่าจะสามารถผลิตใช้โดยทั่วไปได้เมื่อใด จึงมีความจำเป็นที่ต้องรับการกระตุ้นด้วยวัคซีนโควิด-19 ที่ผลิตสำหรับสายพันธุ์ดั้งเดิมไปก่อนในปัจจุบัน

ประกอบกับ องค์การอนามัยโลก ประเทศไทย แนะนำให้บุตรหลานพาผู้สูงอายุไปรับวัคซีนป้องกันโควิด-19 เนื่องจากเป็นกลุ่มที่มีความเสี่ยงสูงที่จะมีอาการรุนแรงเมื่อติดเชื้อโควิด-19 พร้อมเผยการวิเคราะห์ล่าสุดในประเทศไทยชี้ว่า การรับวัคซีน 2 เข็มช่วยลดความเสี่ยงของการเสียชีวิตได้ 6 เท่า และการรับวัคซีน 3 เข็มลดความเสี่ยงได้ถึง 41 เท่า

โฆษกประจำสำนักนายกฯ กล่าวว่า การรับวัคซีนโควิด-19 เข็มกระตุ้นจะช่วยลดความเสี่ยงให้กับทั้งตนเองและคนรอบข้าง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงเทศกาลสงกรานต์ที่กำลังจะมาถึง ประชาชนเดินทางกลับภูมิลำเนาเพื่อเยี่ยมเยือนญาติผู้สูงอายุ ซึ่งเป็นกลุ่มเสี่ยงรับเชื้อ และเสียชีวิตจากโควิด-19 สูงกว่าคนที่อายุน้อยกว่าอย่างมาก โดยเฉพาะถ้ามีโรคประจำตัว เช่น โรคหัวใจ เบาหวาน ความดันโลหิตสูง โรคปอด หรือมะเร็ง

“นายกรัฐมนตรีห่วงใยประชาชน ให้รับข่าวสารจากช่องทางที่เป็นทางการ เชื่อถือได้ เพื่อจะได้ปฏิบัติตัวอย่างถูกต้อง โดยมีความเป็นห่วงผู้สูงอายุและผู้มีโรคประจำตัว ขอให้ฟังคำแนะนำจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญโดยตรง โดยนายกรัฐมนตรีสั่งการให้เร่งรัดการฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นแก่ประชาชนทุกกลุ่มอย่างทั่วถึงและเท่าเทียม เนื่องจากตระหนักถึงความจำเป็น พร้อมเชิญชวนพี่น้องประชาชน ลูกหลานพาผู้สูงอายุไปรับวัคซีน รวมทั้งกลุ่มที่มีโรคประจำตัว เข้ารับวัคซีนเข็มกระตุ้นเมื่อครบกำหนด เพื่อสร้างภูมิคุ้มกัน ลดอาการป่วย และลดเสี่ยงเสียชีวิต และในเทศกาลสงกรานต์ที่จะถึงนี้ 

Credit : แนะนำสถานที่ท่องเที่ยว | แต่งบ้านและสวน | พระเครื่อง | รีวิวกล้องถ่ายรูป